วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2558

ศิลปวัฒนธรรมอิสลาม

ตอน (2) ความสัมพันธ์อยุธยากับโลกมุสลิม

   อยุธยามีความสัมพันธ์กับโลกมุสลิมมาช้านานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา (บางรายงานระบุว่าสมัยสุโขทัยเนื่องปรากฎหลักฐานจากแผ่นศิลาจารึกยุคพ่อขุนรามคำแหง กล่าวถึง ปสาน ภาษาเปอร์เชีย แปลว่า ตลาด ) โดยชาวสยามมักเรียกชาวมุสลิมกลุ่มต่าง ๆ โดยรวม ๆ ว่า “แขก” ดังมีหลักฐานอยู่ในกฎมณเฑียรบาลที่กล่าวถึงชนกลุ่มต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ในพระนครศรีอยุธยาว่า แขกขอมลาวพม่าเมงมอญมสุมแสงจีนจามชวานานาประเทศทั้งปวง
     เราอาจจำแนกแขกที่เข้ามาอาศัยตั้งถิ่นฐานได้ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแขกที่นับถือศาสนาอิสลาม หรือที่เรียกว่า มุสลิม ได้แก่ แขกมลายู แขกจาม แขกยะวา (แขกชวา) แขกมักกะสัน และแขกเจ้าเซ็น (แขกมะหง่น) เป็นต้น ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งคือแขกที่นับถือศาสนาอื่น ได้แก่ แขกพราหมณ์ หรือแขกฮินดู และแขกซิกข์ เป็นต้น

     “คำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม เอกสารจากหอหลวง,”ระบุว่า นอกจากนั้นพวกแขกยังเปิดร้านขายของและผลิตเครื่องใช้กระจายอยู่ตามชุมชนย่านต่าง ๆ ได้แก่ แขกจามจอดเรือและแพขายของอยู่บ้านน้ำวน และบางกะจะ ส่วนพวกที่อาศัยอยู่ย่านบ้านท้ายคูมีอาชีพสานเสื่อลันไตเพื่อขาย แขกชวาและแขกมลายูมักบรรทุกหมากและตะกร้าหวายใส่เรือปากกว้างสิบศอกสามวา ทอดสมอขายอยู่ที่ตรงปากคลองคูจาม แขกตานีทอผ้าไหมผ้าด้าย อยู่บ้านริมวัดลอดช่อง นอกจากนี้พวกแขก (ไม่ระบุเชื้อชาติ) ตั้งร้านขายกำไลมือ กำไลเท้า ปิ่นปักผม แหวน ลูกปัดเครื่องประดับ อยู่ที่เชิงตะพานชีกุนฝั่งตะวันตก
     กล่าวกันว่า สินค้าแขก พ่อค้าอินเดีย และเปอร์เชีย จะแล่น “เรือสลุบแขกเสาเดียว” ถึงเมืองท่าสยามโดยเทียบท่าด้านมหาสมุทรอินเดีย ตั้งแต่ มะริด ตะนาวศรี นครศรีธรรมราช จนถึงเมืองตรัง แล้วจ้างคนแบกสินค้าผ่านช่องเขาด้านกุยบุรีเพื่อนำสินค้าลงเรือเทียบฝั่งเข้าปากแม่น้ำเจ้าพระยา อีกทอดหนึ่ง สินค้าส่วนใหญ่เป็นผ้าชนิดต่างๆ ส่วนขากลับก็จะนำสินค้าจากกรุงศรีอยุธยาไปขาย โดคเฉพาะเครื่องเทศ ของป่า เขาสัตว์ และช้าง
     จะเห็นได้ว่า อยุธยามีความสัมพันธ์ทางการค้ากับโลกมุสลิม ทั้งภายในอาณาจักรอยุธยา ได้แก่ การค้าขายภายในชุมชนและการค้าระหว่างประเทศ ได้แก่ การค้าขายกับชาวเปอร์เชียและชาวมลายู ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษกิจหมุนเวียนตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้นเรื่อยมา